________________________________________________________________________________
หลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน (เวชศาสตร์วิถีชีวิต)
Residency training in Preventive Medicine (Lifestyle Medicine)
ชื่อวุฒิบัตร
วุฒิบัตรเพื่อแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน (เวชศาสตร์วิถีชีวิต)
Diploma of the Thai Board of Preventive Medicine (Lifestyle Medicine)
ความเป็นมา
ในปี พ.ศ. 2558 ประชากรไทยร้อยละ 75 เสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรค NCDs โดยปัจจัยสำคัญเสี่ยงที่สำคัญของการเกิดโรคส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมสุขภาพ และรูปแบบการดำเนินชีวิต
“เวชศาสตร์วิถีชีวิต” เป็นศาสตร์หนึ่งที่ให้ความสำคัญต่อการสร้างเสริมสุขภาพ และปรับพฤติกรรมสุขภาพด้วยการลดปัจจัยเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ในด้านต่างๆ ได้แก่ กิจกรรมทางกาย อาหารและโภชนาการ สุขภาพจิต สุขภาพการนอนหลับ การลด ละ เลิกบุหรี่ แอลกอฮอล์ และสิ่งเสพติด และการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายและสุขภาพทางเพศ และการส่งเสริมสุขภาพอย่างเป็นระบบ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ผลการประเมินเป้าหมายแผนยุทธศาสตร์ระยะ 20 ปี ด้านสาธารณสุขพบว่าประชาชนอายุยืนยาวขึ้นแต่สูญเสียปีสุขภาวะเพิ่มขึ้นจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อ เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ การสูบบุหรี่ การบริโภคผักและผลไม้ที่ไม่เพียงพอ ภาวะอ้วนและการออกกำลังกาย จากการสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อของกรมควบคุมโรคใน พ.ศ. 2547-2561 พบว่าประชาชนมีพฤติกรรมที่เพิ่มขึ้นของน้ำหนักเกิน ภาวะอ้วนและการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก ขณะที่การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ลดลง ส่วนการกินผลไม้ แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังน้อยเพียงร้อยละ 24.3 ส่งผลต่อการเกิดโรคไม่เรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
หลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านฯ สาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงเวชศาสตร์วิถีชีวิต มีการระบุพันธกิจของแผนงานฝึกอบรม โดยมีจุดมุ่งหมายในการผลิตแพทย์เฉพาะทางที่มีความรู้ความสามารถที่ครอบคลุมตั้งแต่การประเมินความเสี่ยง ให้คำปรึกษา ให้ความรู้ที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การดูแลรักษา และการฟื้นฟูสภาพของผู้ป่วยโรคที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมสุขภาพอย่างถูกต้องและเหมาะสมในแต่ละบริบท รวมถึงการเฝ้าระวัง พฤติกรรมสุขภาพ และจัดการแก้ไขปัญหาโรคและภัยสุขภาพต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมสุขภาพได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากความรู้และทักษะเฉพาะแล้ว แพทย์เวชศาสตร์วิถีชีวิตยังต้องมีความสามารถด้านอื่นๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ความสามารถในการเรียนรู้เพื่อให้มีการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง ความสามารถด้านการวิจัยและสร้างองค์ความรู้ ความเป็นมืออาชีพ การสื่อสารปฏิสัมพันธ์ การทำงานเป็นทีม การปฏิบัติงานแบบสหสาขาวิชาชีพ ความรู้ความเข้าใจในระบบสุขภาพของประเทศ การบริหารจัดการ กระบวนการคุณภาพและความปลอดภัย ตลอดจนความรับผิดชอบ มีจริยธรรม ทัศนคติ และเจตคติที่ดีต่อผู้ป่วย ผู้ร่วมงาน และองค์กร มีความเอื้ออาทรและใส่ใจในความปลอดภัยผู้ป่วยเพื่อการแก้ไขปัญหาได้ตรงประเด็น โดยยึดถือผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง และมีความสนใจใฝ่รู้ และสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต นโยบายการผลิตแพทย์ เวชศาสตร์ด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความต้องการของระบบสุขภาพรวมทั้งมิติด้านอื่นๆ ทางสังคม ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ
เพื่อผลิตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์วิถีชีวิต ที่มีความสามารถดังนี้
1. ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านให้สามารถให้คำแนะนำการปรับพฤติกรรมสุขภาพอย่างเป็นระบบ และให้บริการสุขภาพจากบุคลากรทางการแพทย์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้รับบริการ
2. ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านให้มีความสามารถในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิดในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ให้สามารถบริหารจัดการปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อ และโรคติดต่อ รวมถึงสุขภาพทางเพศ
3. ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านให้มีความสามารถในการเรียนรู้ค้นคว้าตลอดชีวิต การทำวิจัย เป็นผู้นำในการสร้างงานวิจัย สร้างองค์ความรู้ใหม่ ตลอดจนปรับตัวในการทำงานให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงตามบริบทของสังคมในปัจจุบันและอนาคตได้
4. ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านให้สามารถทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพในลักษณะสหสาขาวิชาชีพเพื่อสร้างรูปแบบการรักษาอย่างครบวงจร
5. ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านให้มีความรับผิดชอบ คุณธรรม จริยธรรม จิตสาธารณะ รักษาสิทธิของผู้ใช้บริการ และเป็นแบบอย่างที่ดีด้านสุขภาพ ตลอดจนมีความรับผิดชอบ ทัศนคติ และเจตคติที่ดีต่อประชาชน ผู้ร่วมงาน และภาคีเครือข่าย
สมรรถนะตามเป้าประสงค์หลักในแต่ละระดับของการฝึกอบรมตามเกณฑ์
(Entrustable Professional Activities: EPA)
EPA 1 การประเมินวินิจฉัยสภาวะปัญหาสุขภาพที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพหรือรูปแบบการดำเนินชีวิต
EPA 2 การวางแผนดำเนินการรักษาป้องกันโรคที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพหรือรูปแบบการดำเนินชีวิต
EPA 3 การจัดการส่งเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพหรือรูปแบบการดำเนินชีวิต และการจัดบริการเพื่อดูแลช่วยเหลือแบบบูรณาการอย่างเป็นระบบ
EPA 4 การวางแผนกำกับติดตามและประเมินผล ร่วมกันของทีมสหสาขาวิชาชีพเวลเนสและการดูแลสุขภาพ (Wellness and Healthcare)
EPA 5 การออกแบบ/พัฒนาโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ (การรักษาผู้ป่วยกลุ่มปัญหา
ที่เกิดจากสุขภาพหรือรูปแบบการดำเนินชีวิต)
EPA 6 การสื่อสารให้เกิดความรู้ความเข้าใจเพื่อส่งเสริมการปรับพฤติกรรมแก่ผู้ป่วยอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทการใช้ชีวิตของตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม (Communication for Development หรือ C4D)
EPA 7 การประเมินผลลัพธ์จากการปรับพฤติกรรมสุขภาพ
EPA 8 การบริหารจัดการชุมชน เพื่อป้องกันและส่งเสริมการป้องกันและรักษาโรคที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพหรือรูปแบบการดำเนินชีวิต
โครงสร้างหลักสูตร
รูปแบบการเรียนการสอน จะจัดการเรียนรู้ โดยแบ่งเป็นการเรียนรู้ภาคทฤษฎีและการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานภาคสนาม เพื่อให้แพทย์ประจำบ้านมีความรู้และทักษะ ในการปฏิบัติงานด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต ภายใต้การดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นเวลา 2 ปีที่กรมอนามัย (Two year in service training program) และศึกษาหลักสูตรปริญญาโทสาขาสาธารณสุขศาสตร์หรือด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต หรือในสาขาที่เกี่ยวข้องหรือเทียบเท่าระยะเวลาในการศึกษาไม่น้อยกว่า 10 เดือน
กรณีที่แพทย์ประจำบ้านของสถาบันฯ เป็นผู้ที่จบการศึกษาในระดับปริญญาโท/ปริญญาเอก/มีวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสาขาที่เกี่ยวข้อง ทางสถาบันฯ จะปรึกษาคณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบให้พิจารณาความเหมาะสมให้ยกเว้นการศึกษาต่อปริญญาโท สาขาสาธารณสุขศาสตร์ หรือเทียบเท่า แต่ทำวิจัยที่มีคุณภาพและได้รับการเผยแพร่ ตีพิมพ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์วิถีชีวิต จำนวน 1 เรื่อง ในระหว่างที่อบรมกับกรมอนามัย 2 ปี อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับผลพิจารณาของคณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบว่าต้องเรียนหรือไม่
รูปแบบการฝึกอบรมของหลักสูตร จะจัดกิจกรรมให้แพทย์ประจำบ้านได้เรียนรู้ หลากหลายรูปแบบ
*เนื้อหารายวิชาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
ระบบสนับสนุนการเรียนการสอน
สถานที่ สถาบันฯ จัดให้มีห้องพัก โต๊ะทำงาน และตู้เก็บของส่วนบุคคล สำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม ที่ปลอดภัย สะดวก และเหมาะสมสำหรับการฝึกอบรม
แหล่งค้นคว้าเรียนรู้
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและสารสนเทศ
คุณสมบัติผู้เข้ารับการฝึกอบรม
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
ผู้มีสิทธิ์สมัครแพทย์ประจำบ้าน (แผน ก)
1) ได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต หรือเทียบเท่าที่แพทยสภารับรอง ได้รับการขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภาแล้ว
2) ผ่านการอบรมแพทย์เพิ่มพูนทักษะเป็นเวลา 1 ปี
3) แพทย์ผู้มีต้นสังกัด
4) ไม่จำกัดเพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง รสนิยมทางเพศ และเศรษฐฐานะ
5) มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์แพทยสภาในการเข้ารับการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง
6) มีความประพฤติ ทักษะ ทัศนคติการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
7) แผนงานฝึกอบรมฯมีนโยบาย ไม่กีดกันผู้มีความพิการหรือความเจ็บป่วย ยกเว้น กรณีที่ความพิการหรือความเจ็บป่วยนั้น อาจเป็นอุปสรรค ต่อการปฏิบัติงาน และความพิการหรือความเจ็บป่วยนั้นอาจส่งผลต่อ
ความปลอดภัยของผู้ป่วย/ผู้รับบริการและตัวผู้เข้ารับการฝึกอบรม
ผู้มีสิทธิ์ขอขึ้นทะเบียนแพทย์ใช้ทุนปฏิบัติงานเพื่อการสอบวุฒิบัตรฯ (แผน ข)
ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1) เป็นแพทย์ในโครงการจัดสรรแพทย์ใช้ทุนปฏิบัติงานประจำสาขาในโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขหรือปฏิบัติงานประจำสาขาในสถาบันฝึกอบรมที่ได้รับอนุมัติจากแพทยสภาให้รับแพทย์ใช้ทุนปฏิบัติงานเพื่อการสอบวุฒิบัตรฯ (แผน ข)
2) ผ่านการอบรมแพทย์เพิ่มพูนทักษะเป็นเวลา 1 ปี
3) ไม่จำกัดเพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง รสนิยมทางเพศ และเศรษฐฐานะ
4) มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์แพทยสภาในการเข้ารับการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง
5) มีความประพฤติ ทักษะ ทัศนคติการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
6) แผนงานฝึกอบรมฯมีนโยบาย ไม่กีดกันผู้มีความพิการหรือความเจ็บป่วย ยกเว้น กรณีที่ความพิการหรือความเจ็บป่วยนั้น อาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน และความพิการหรือความเจ็บป่วยนั้นอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย/ผู้รับบริการและตัวผู้เข้ารับการฝึกอบรม
จำนวนผู้เข้ารับการอบรม
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมปีละ 2-4 คน
กระบวนการคัดเลือกผู้สมัครเข้ารับการฝึกอบรม
ในการรับและการคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรม สถาบันฝึกอบรมโดยการคัดเลือกเป็นไปอย่างยุติธรรม โปร่งใส และเท่าเทียมกัน โดยมีการดำเนินการ ดังต่อไปนี้
สถานที่ฝึกอบรม
หน่วยงานในสังกัด กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้แก่
ติดต่อ : สถาบันปัณณทัต กรมอนามัย
88/22 หมู่.4 ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ 11000
โทรศัพท์ : 02-590-4564
E-mail : pannatat.institute@gmail.com