คุณกำลังมองหาอะไร?

แนะนำหลักสูตร


 

ชื่อหลักสูตร

                 หลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสาธารณสุขศาสตร์

                 Residency Training in Preventive Medicine (Public Health)

ชื่อวุฒิบัตร  

            วุฒิบัตรเพื่อแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสาธารณสุขศาสตร์

            Diploma of Thai Board of  Preventive Medicine (Public Health)

พันธกิจของแผนงานฝึกอบรม

  1. สามารถเป็นผู้นำในการจัดบริการสุขภาพทั้งระบบ โดยมุ่งเน้นให้เกิดการบริการสุขภาพปฐมภูมิที่มีประสิทธิภาพ ใช้หลักการและทักษะการจัดการบริการสุขภาพปฐมภูมิในพื้นที่ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
  2. สามารถประเมินสถานการณ์สุขภาพของประชาชนทุกกลุ่มวัย วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพ วางแผนและเลือกใช้กลวิธีการที่เหมาะสมในการจัดการปัญหาสุขภาพและสาธารณสุขของประชาชนและชุมชนได้
  3. สามารถให้การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การคุ้มครองสุขภาพอนามัยและบริหารจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่มวัยและชุมชนในระดับสูงและเชี่ยวชาญเฉพาะสาขาวิชาอย่างลึกซึ้ง และเป็นปัจจุบัน
  4. มีความสามารถในการเรียนรู้ค้นคว้าตลอดชีวิต การทำวิจัย เป็นผู้นำในการสร้างงานวิจัย สร้างองค์ความรู้ใหม่ เพื่อพัฒนางานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และอนามัยสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนปรับตัวในการทำงานให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงตามบริบทของสังคมในปัจจุบันและอนาคตได้
  5. สามารถทำงานร่วมกับสหวิชาชีพ ทั้งการสื่อสาร และมีปฏิสัมพันธ์ในการบริหารจัดการสุขภาพ ทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมืออาชีพ
  6. มีความรับผิดชอบ คุณธรรม จริยธรรม จิตสาธารณะ รักษาสิทธิของผู้ใช้บริการ และเป็นแบบอย่างที่ดี ด้านสุขภาพ ตลอดจนมีความรับผิดชอบ ทัศนคติ และเจตคติที่ดีต่อประชาชน ผู้ร่วมงาน และภาคีเครือข่าย

วัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน

  1. พัฒนาศักยภาพผู้เข้ารับการอบรมให้สามารถตอบสนองการทำงานเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงาน ตามนโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุข
  2. พัฒนาผู้เข้ารับการอบรมให้มีความรู้ความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญในการบริหารงาน สร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การคุ้มครองสุขภาพ และการอนามัยสิ่งแวดล้อม
  3. พัฒนาผู้เข้ารับการอบรมให้มีทักษะเชิงวิชาการในการสร้างหรือค้นคว้าหาองค์ความรู้เชิงประจักษ์ ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี พฤติกรรมสุขภาพ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานสาธารณสุข รวมทั้งการนำผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาสุขภาพของประชาชน
  4. พัฒนาผู้เข้ารับการอบรมให้เป็นผู้นำในการจัดการบริการสุขภาพทั้งระบบ โดยมุ่งเน้นให้เกิดบริการสุขภาพปฐมภูมิ (Primary Prevention) ที่มีประสิทธิภาพ ใช้หลักการและทักษะทางการจัดการการบริการสุขภาพปฐมภูมิในพื้นที่ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
  5. พัฒนาผู้เข้ารับการอบรมให้สามารถประเมินบทบาทหน้าที่ ศักยภาพ และการจัดการองค์กรเพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายและการพัฒนาแผนกลยุทธ์ด้านสาธารณสุข รวมทั้งการบริหารโครงการที่จะสามารถลดความเสี่ยง และผลกระทบที่มีต่อสุขภาพได้
  6. พัฒนาผู้เข้ารับการอบรมให้มีคุณธรรม จริยธรรม จิตสาธารณะ มีเจตคติที่ดีต่อการปฏิบัติงาน สามารถเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี และทำงานร่วมกับทีมสุขภาพในวิชาชีพที่เกี่ยวข้องได้

โครงสร้างหลักสูตร

           รูปแบบการเรียนการสอน จะจัดการเรียนรู้ โดยแบ่งเป็นการเรียนรู้ภาคทฤษฎีร้อยละ 63 และการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานภาคสนาม ร้อยละ 37 เพื่อให้แพทย์ประจำบ้านมีความรู้และทักษะ ในการปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และอนามัยสิ่งแวดล้อมครอบคลุมทั้ง 4 กลุ่มวัย ภายใต้การดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นเวลา 2 ปีที่กรมอนามัย (Two year in service training program)  และศึกษาหลักสูตรปริญญาโทสาขาสาธารณสุขศาสตร์ หรือเทียบเท่า ระยะเวลาในการศึกษาไม่น้อยกว่า 10 เดือน

       กรณีที่แพทย์ประจำบ้านของสถาบันฯ เป็นผู้ที่จบการศึกษาในระดับปริญญาโท/ปริญญาเอก/มีวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสาขาที่เกี่ยวข้อง ทางสถาบันฯ จะปรึกษาคณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบให้พิจารณาความเหมาะสมให้ยกเว้นการศึกษาต่อปริญญาโท สาขาสาธารณสุขศาสตร์ หรือเทียบเท่า แต่ทำวิจัยที่มีคุณภาพและได้รับการเผยแพร่ ตีพิมพ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสาธารณสุขศาสตร์ การส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และอนามัยสิ่งแวดล้อม จำนวน 1 เรื่อง ในระหว่างที่อบรมกับกรมอนามัย 2 ปี อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับผลพิจารณาของคณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบว่าต้องเรียนหรือไม่

รูปแบบการเรียนการสอน

          รูปแบบการฝึกอบรมของหลักสูตร จะจัดกิจกรรมให้แพทย์ประจำบ้านได้เรียนรู้ หลากหลายรูปแบบ

  1. การฝึกอบรมภาคทฤษฎีจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งภายในและภายนอกกระทรวงสาธารณสุข ทำให้แพทย์ประจำบ้าน มีความรู้ความเข้าใจในหลักวิชาการก่อนนำไปใช้ในสถานการณ์จริงรวมถึงการนำองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้ในการนำเสนอทางวิชาการ การทำวิจัยในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และอนามัยสิ่งแวดล้อม
  2. การสัมมนาวิชาการ ทั้งการวิจารณ์บทความวารสารวิชาการ(Journal club)และการสัมมนาหัวข้อที่น่าสนใจ(interesting topics seminar) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แพทย์ประจำบ้านได้ตระหนักถึงความสำคัญของการติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการ ด้วยการอ่านบทความในวารสารและสร้างนิสัยรักการอ่านวารสารวิชาการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน มีทักษะวิเคราะห์และวิพากษ์วิธีการศึกษาทางเวชศาสตร์ป้องกันและสาธารณสุขจากตัวอย่างงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ
  3. การเรียนรู้แบบอื่นๆ สถาบันฝึกอบรมส่งเสริมการเรียนรู้โดยสนับสนุนให้แพทย์ประจำบ้านได้ศึกษาดูงานด้านการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้แพทย์ประจำบ้านสามารถเลือกเรียนวิชาเลือกเสรีตามความสนใจ เช่น หลักสูตรอาชีวเวชศาสตร์พื้นฐานสำหรับ แพทย์ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี และหลักสูตรเวชศาสตร์ป้องกันคลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โดยการศึกษาดูงาน/เข้าร่วมประชุมวิชาการ/วิชาเลือกเสรี
  4. การวิจัย (Research) แพทย์ประจำบ้านเป็นผู้วิจัยหลักในการทำวิทยานิพนธ์ (วิจัยปฏิบัติการ) ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันและควบคุมโรคในกลุ่มวัยต่างๆ ตามโครงร่างการวิจัย ที่ผ่านการพิจารณา จากคณะกรรมการประจำหลักสูตรแล้ว ในระหว่างฝึกอบรมที่สถาบันในชั้นปีที่ 2 จำนวน 1 เรื่อง และจัดทำวิทยานิพนธ์หรือสารนิพนธ์ในระดับปริญญาโท จำนวน 1 เรื่อง

 

รายวิชา

แพทย์ประจำบ้าน

ชั้นปีที่ 1

(สัปดาห์)

ชั้นปีที่ 2

(สัปดาห์)

ชั้นปีที่ 3

(สัปดาห์)

  • อบรมหลักสูตรระบาดวิทยาภาคสนามเบื้องต้น กรมควบคุมโรค

4

 

 
  • อบรมพื้นฐานและหลักการของเวชศาสตร์ป้องกันทั่วไป และความรู้เฉพาะทางเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสาธารณสุขศาสตร์

4

 

 
  • การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกลุ่มอนามัยแม่และเด็กและการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพ

8

 

 
  • การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกลุ่มอนามัยเด็กวัยเรียนวัยรุ่น

8

 

 
  • การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกลุ่มอนามัยวัยทำงาน

8

 

 
  • การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกลุ่มอนามัยผู้สูงอายุ

8

 

 
  • อบรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกัน ควบคุมโรคเหงือกและฟัน (Dental Health) และภาวะความผิดปกติในช่องปากที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มวัยต่างๆ

2

 

 
  • อบรมนโยบาย/ยุทธศาสตร์การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในผู้สูงอายุ

2

 

 
  • การประชุมวิชาการด้านการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม

1

 

 
  • การวิจารณ์บทความวารสารวิชาการ (Journal club)

2

 

 
  • จัดทำวิจัยด้านการส่งเสริมสุขภาพตามกลุ่มวัย

1

39

 
  • ศึกษาดูงานด้านการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมในต่างประเทศ
 

1

 
วิชาเลือกเสรี  

8

 
  • การศึกษาต่อหลักสูตรปริญญาโทด้านสาธารณสุขศาสตร์
 

 

48
รวมระยะเวลา 48

48

48

 

ระบบสนับสนุนการเรียนการสอน

สถานที่ สถาบันฯ จัดให้มีห้องพัก โต๊ะทำงาน และตู้เก็บของส่วนบุคคล สำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม    ที่ปลอดภัย สะดวก และเหมาะสมสำหรับการฝึกอบรม

แหล่งค้นคว้าเรียนรู้

  1. มีแหล่งข้อมูลทางวิชาการที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถเข้าถึงได้ ได้แก่ ห้องสมุดต่าง ๆ ภายในกระทรวงสาธารณสุข อาทิ เช่น ห้องสมุดสถาบันฯ ห้องสมุดกรมอนามัย กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิต กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
  2. มีหน่วยงานที่สนับสนุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยมีศูนย์อนามัยเป็นหน่วยงานสนับสนุนที่สำคัญในการเรียนรู้ภาคปฏิบัติ ซึ่งแต่ละศูนย์อนามัยมีคลินิกที่ให้ การบริการสุขภาพแก่ประชาชนตามกลุ่มวัย และยังมีหน่วยงานสาธารณสุขในชุมชนที่สามารถจัดกิจกรรม การเรียนการสอนผ่านการทำโครงการ/กิจกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และอนามัยสิ่งแวดล้อม ในชุมชน มีภาคีเครือข่ายการทำงานด้านสุขภาพในพื้นที่ที่พร้อมให้ความร่วมมือและร่วมกันขับเคลื่อนงาน และพื้นที่แต่ละแห่งมีบริบทที่แตกต่างกัน ก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย สอดคล้องกับผลลัพธ์ของการเรียนรู้ที่คาดหวัง
  3. มีการจัดประสบการณ์ในการปฏิบัติงานเป็นทีมร่วมกับผู้ร่วมงานและบุคลากรวิชาชีพอื่น
  4. มีการประยุกต์ความรู้พื้นฐานและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การบูรณาการ ระหว่างการฝึกอบรมกับการวิจัยอย่างเพียงพอ และจัดหาแหล่งทุนวิจัย
  5. จัดให้มีการฝึกอบรมในสถาบันอื่นทั้งในและนอกประเทศ
  6. มีการนำความเชี่ยวชาญทางแพทยศาสตรศึกษามาใช้ในการจัดทำแผนการฝึกอบรม การดำเนินการฝึกอบรม และการประเมินการฝึกอบรม

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและสารสนเทศ

  1. จัดให้มีอุปกรณ์สำนักงาน และอุปกรณ์ที่จำเป็นในการฝึกอบรมสำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม เช่น Laptop Projector LCD เป็นต้น
  2. มีบริการอินเตอร์เน็ตไร้สาย เพื่อใช้ในการสืบค้นข้อมูล
  3. มีสื่ออิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเรียนรู้ที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถเข้าถึงได้ มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกอบรมอย่างมีประสิทธิภาพและถูกหลักจริยธรรม เช่น มีสื่อการเรียนการสอนที่ได้รับการอนุญาตจากอาจารย์หรือวิทยากรเผยแพร่ในเว็บไซต์สถาบัน ฯลฯ
  4. มีบริการห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ของกรมอนามัย
การรับและคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรม
คุณสมบัติผู้เข้ารับการฝึกอบรม
  1. ผู้มีสิทธิ์สมัครแพทย์ประจำบ้าน (แผน ก)

    1) ได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตหรือเทียบเท่าที่แพทยสภารับรองได้รับการขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภาแล้ว

    2) ผ่านการอบรมแพทย์เพิ่มพูนทักษะเป็นเวลา 1 ปี

    3) แพทย์ผู้มีต้นสังกัด

    4) ไม่จำกัดเพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง รสนิยมทางเพศ และเศรษฐฐานะ

    5) มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์แพทยสภาในการเข้ารับการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง

    6) มีความประพฤติ ทักษะ ทัศนคติการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

    7) แผนงานฝึกอบรมฯมีนโยบาย ไม่กีดกันผู้มีความพิการหรือความเจ็บป่วย ยกเว้น กรณีที่ ความพิการหรือความเจ็บป่วยนั้น อาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน และความพิการหรือความเจ็บป่วยนั้น  อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย/ผู้รับบริการและตัวผู้เข้ารับการฝึกอบรม

  1. ผู้มีสิทธิ์ขอขึ้นทะเบียนแพทย์ใช้ทุนปฏิบัติงานเพื่อการสอบวุฒิบัตรฯ (แผน ข)

    1) เป็นแพทย์ในโครงการจัดสรรแพทย์ใช้ทุนปฏิบัติงานประจำสาขาในโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขหรือปฏิบัติงานประจำสาขาในสถาบันฝึกอบรมที่ได้รับอนุมัติจากแพทยสภาให้รับแพทย์ใช้ทุนปฏิบัติงานเพื่อการสอบวุฒิบัตรฯ (แผน ข)

    2) ผ่านการอบรมแพทย์เพิ่มพูนทักษะเป็นเวลา 1 ปี

    3) ไม่จำกัดเพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง รสนิยมทางเพศ และเศรษฐฐานะ

    4) มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์แพทยสภาในการเข้ารับการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง

    5) มีความประพฤติ ทักษะ ทัศนคติการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

    6) แผนงานฝึกอบรมฯมีนโยบาย ไม่กีดกันผู้มีความพิการหรือความเจ็บป่วย ยกเว้น กรณีที่ ความพิการหรือความเจ็บป่วยนั้น อาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน และความพิการหรือความเจ็บป่วยนั้นอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย/ผู้รับบริการและตัวผู้เข้ารับการฝึกอบรม

จำนวนผู้เข้ารับการอบรม

        ผู้เข้ารับการฝึกอบรมปีละ 4 คน

กระบวนการคัดเลือกผู้สมัครเข้ารับการฝึกอบรม

        ในการรับและการคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรม สถาบันฝึกอบรมโดยการคัดเลือกเป็นไปอย่างยุติธรรม โปร่งใส และเท่าเทียมกัน โดยมีการดำเนินการ ดังต่อไปนี้

  1. มีการประกาศคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ จำนวนแพทย์ประจำบ้านที่จะรับ และวิธีคัดเลือกผู้สมัครให้ชัดเจนผ่านเว็บไซต์และสื่อต่าง ๆ ของสถาบัน
  2. คณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครโดยละเอียด และแจ้งผู้สมัครให้รับทราบในกรณีที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน
  3. คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกผู้สมัครโดยวิธีการสอบสัมภาษณ์ ประเมินจากประสบการณ์ การทำงาน ประวัติการศึกษา ผลงานทางวิชาการ ทัศนคติ ฯลฯ และแจ้งหัวข้อในการประเมินคุณสมบัติ        ให้ผู้สมัครรับทราบก่อนการสมัคร
  4. หลังการสอบคัดเลือก มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อลงมติเลือกผู้สมัครเข้ารับการฝึกอบรม
  5. สถาบัน แจ้งผลการคัดเลือกให้ผู้สมัครและต้นสังกัดของผู้สมัครทราบเป็นลายลักษณ์อักษร
  6. รายงานผลการคัดเลือกไปยังสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย
  7. ประกาศรายชื่อผลการคัดเลือกผ่านเว็บไซต์และสื่อต่างๆ ของสถาบัน

สถานที่ฝึกอบรม

        หน่วยงานในสังกัด กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้แก่

  1. สถาบันปัณณทัต (สถาบันฝึกอบรมเวชศาสตร์ป้องกัน)
  2. ศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี  
  3. ศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบุรี   
  4. ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา
  5. สถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง กรุงเทพมหานคร   
  6. สำนักทันตสาธารณสุข   
  7. สำนักอนามัยผู้สูงอายุ

ติดต่อ : สถาบันปัณณทัต กรมอนามัย

88/22 หมู่.4 ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รหัสไปรษณีย์ 11000

โทรศัพท์ : 02-590-4564 

E-mail : Pannatat.anamai@gmail.com